ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการใหม่เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้บริการ Mobile Banking หลังพบว่าการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์และการทุจริตทางการเงินที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยมาตรการนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อปกป้องผู้ใช้บริการจากอาชญากรรมไซเบอร์ และสร้างความมั่นใจในการทำธุรกรรมออนไลน์

มาตรการหลักที่น่าสนใจ:

ป้องกันการสวมรอยทำธุรกรรม

• ห้ามส่งลิงก์ผ่าน SMS หรืออีเมลที่ขอข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน หรือ OTP
• ติดตามและจัดการกับแอปปลอมแปลงที่อ้างว่าเป็นแอปของสถาบันการเงิน
• จำกัดการใช้งาน Mobile Banking ไว้เพียง 1 บัญชีต่อ 1 อุปกรณ์

ยกระดับการยืนยันตัวตน

• ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การเปรียบเทียบใบหน้า (Face Comparison) และการตรวจจับการปลอมแปลงชีวมิติ (Liveness Detection) สำหรับธุรกรรมมูลค่าสูง
• กำหนดวงเงินสูงสุดต่อวัน เพื่อลดความเสียหายหากผู้ใช้ตกเป็นเหยื่อการทุจริต

รักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบ

• เข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption) และใช้ช่องทางสื่อสารที่ปลอดภัย
• ปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ทันสมัยตามมาตรฐานสากล
• จำกัดการใช้งานบนอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยง เช่น อุปกรณ์ที่ถูก Root หรือ Jailbreak

การขอผ่อนผัน

สถาบันการเงินที่ไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรการได้ทันที สามารถยื่นขอผ่อนผันต่อ ธปท. ซึ่งจะพิจารณาภายใน 30 วัน

วันเริ่มบังคับใช้

มาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 30 วัน ยกเว้นบางข้อที่ต้องรอ 60 วัน

ธปท. ออกมาตรการเข้มงวดเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ Mobile Banking เน้นป้องกันการสวมรอยทำธุรกรรมและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ พร้อมกำหนดวงเงินสูงสุดต่อวัน และใช้เทคโนโลยียืนยันตัวตนขั้นสูง เช่น การสแกนใบหน้า เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าธุรกรรมของตนปลอดภัย

ติดตามเรื่องราว IT ต่างๆได้ที่ Avery IT Tech เพราะเรื่อง IT อยู่รอบตัวคุณ...

#AveryITTech #IT##MobileBanking #ความปลอดภัยทางไซเบอร์ #ธปท #Fintech

ขอบคุณแหล่งที่มา :https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/59577