เทคโนโลยีแก้ปัญหาด้านการเงินในวงการสงฆ์ไทย


30/Oct/2025
Avery IT Tech
Wireless Network

การเงิน เป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆและเป็นสิ่งยอมรับและใช้กันในสากล ในวงการสงฆ์เพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ในยุคสมัยพุทธกาลจึงมีการตั้งพระวินัยไม่ให้พระภิกษุรับเงิน เนื่องจากเคยมีพระภิกษุเที่ยวขอเงินบริจาค และจับจ่ายใช้สอยจนทำให้ดูขาดความน่าเลื่อมใสเห็นแล้วไม่สบายใจ พระพุทธเจ้าจึงมีการบัญญัติเรื่องเงินทองว่า ภิกษุไม่พึงรับ ไม่พึงครอบครอง ไม่พึงยินดีทองและเงิน มีข้อห้ามเรียกว่า นิสสัคคิยปาจิตตีย์

แต่ในปัจจุบัน การปรับตัวตามกระแสพลวัตเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และในปัจจุบันมีประเด็นร้อนแรงเนื่องจากความคลุมเครือของที่มาที่ไปของเงินบริจาค และการใช้เงินของพระสงฆ์ เรามาลองวิเคราห์กันดูกันว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เงินในวงการสงฆ์เป็นไปอย่างคลุมเครือ

ปัญหาหลักเรื่องการเงินของวัด/สงฆ์ไทย

  1. การบริหารจัดการเงินไม่โปร่งใส
    - หลายวัด ยังใช้สมุดบัญชีแบบกระดาษ หรือบันทึกด้วย Excel ทำให้ตรวจสอบยาก เกิดปัญหา ทำให้ขาดความโปร่งใสและเกิดช่องโหว่ในการตรวจสอบ ยิ่งไปกว่านั้นการรับเงินสดเป็นหลักยังทำให้ยากต่อการติดตามและป้องกันการทุจริต

    - การทุจริต การใช้จ่ายเกินงบ หรือเงินบริจาคไม่ถึงมือกิจกรรมจริง จากการที่ไม่สามารถติดตามที่มาของเงิน ทำให้ไม่รู้ว่าเงินบริจาค นำไปใช้ถูกวันถุประสงค์หรือไม่

  2. ขาดระบบติดตามเงินบริจาคและการใช้จ่าย
    - บางวัดมีการรับเงินสดเป็นหลัก เนื่องจากการเข้าไม่ถึงทางด้านเทคโนโลยี และบางคนอาจะไม่สะดวกในการบริจาคเงินในระบบ

  3. การลงทุนหรือการนำเงินไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพต่ำ
    - เงินที่วัดเก็บไว้ส่วนใหญ่เก็บในบัญชีธนาคาร หรือฝากไว้เฉยๆ ไม่ได้สร้างผลตอบแทน หรือฝากเงินไว้กับบัญชีส่วนบุคคล ทำให้การตรวจสอบที่ไปของเงินเป็นไปได้ยาก

    - ขาดเครื่องมือวิเคราะห์งบประมาณ หรือวางแผนทางการเงินแบบมืออาชีพ

จากขอสังเกตนำมาสู่การวิเคราะห์ของเรา ว่าพอจะมีเทคโนโลยีที่เข้ามาตอบโจทย์ ที่จะแก้ปัญหาการเงินในวงการสงฆ์ของเราได้หรือไม่

เทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้

ปัญหาเหล่านี้อาจมีทางออกด้วยเครื่องมืออย่างเทคโนโลยี เพราะนอกจากสามารถตรวจสอบความโปร่งใสแล้ว การที่พระภิกษุไม่ต้องเกี่ยวข้องกับเงิน ก็จะเป็นไปตามพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ด้วย เพื่อให้เงินที่สาธุชนที่นำไปถวาย ได้นำไปใช้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เราจึงมีตัวอย่างเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ที่จะสามารถแก้ปัญหาได้ด้วย

Permissioned DLT / Enterprise Ledger คือ เครือข่ายแบบ Permissioned จะมีผู้ตรวจสอบสิทธิ์และผู้ควบคุมเครือข่ายที่กำหนดว่าใครสามารถเป็นสมาชิกได้บ้างเป็นลักษณะแบบ เครือข่ายที่ควบคุมสิทธิ์ ซึ่งจะมีความแตกต่างจากบล็อกเชนแบบสาธารณะ (Public Blockchain) ที่ใครก็เข้าร่วมได้ เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์ที่ต้องใช้การอนุญาตในการเข้าถึง ซึ่งหมายความว่าจะมีเพียงผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วม ตรวจสอบ หรือทำธุรกรรมได้ ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อองค์กรธุรกิจหรือกลุ่มที่ต้องการความปลอดภัยและการควบคุมที่มากขึ้น จึงจัดเป็น Private Blockchain หรือ Consortium Blockchain ซึ่งอยู่ในประเภทของโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน

ประเภทของ Permissioned DLT / Enterprise Ledger

  • Private Blockchain: อนุญาตให้องค์กรเดียวควบคุมสิทธิ์ในการเข้าถึงได้ทั้งหมด ทำให้สามารถสร้างเครือข่ายที่ปิดและรักษาความปลอดภัยข้อมูลได้อย่างเข้มงวด
  • Consortium Blockchain: เป็นรูปแบบที่องค์กรมากกว่าหนึ่งแห่งร่วมกันบริหารจัดการและให้สิทธิ์ในการเข้าถึงเครือข่าย ทำให้มีความยืดหยุ่นในการทำงานร่วมกันมากกว่า Private Blockchain แต่ยังคงมีการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงไว้

    จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าการนำใช้เทคโนโลยี มาใช้เป็นเครื่องมือสามารถทำให้วงการสงฆ์ไทยโปร่งใสขึ้นและยังอาจจะเป็นตัวแปรที่ช่วยให้พระภิกษุสามารถปฏิบัติตนตามครรลองได้อีกด้วย นอกจากนี้เทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์ด้านความปลอดภัย และความโปร่งใสทางการเงินยังมีอีกมากมาย เช่น MPC (Multi-Party Computation), Trusted Execution Environments (TEEs) / Confidential Computing, และอื่นๆอีกมากมาย ที่สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ ไม่ใช่แค่กับในวงการสงฆ์ แต่ในด้านธุรกิจหากนำเทคโนโลยีมาใช้จะสามารถลดความซับซ้อนและยังสามารถตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสได้อีกด้วย

    สำหรับผู้ที่สนในเทคโนโลยีเหล่านี้ สามารถติดตาม Avery IT Tech เพื่อเรียนรู้เทคโนโลยี Solution ต่างๆที่น่าสนใจอีกมากมาย เพราะเทคโนโลยี อยู่รอบตัวคุณ #DLT #tech #itsolution #technology #EnterpriseLedger #PrivateBlockchain #MPC #TEEs #ConfidentialComputing