จีนกำลังผงาดในวงการ EV

    ในห้วงเวลาปัจจุบันที่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเป็นกระแสสำคัญของโลก การกล่าวถึงแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนมักปรากฏขึ้นเป็นลำดับต้น ๆ ในความคิดของผู้คน ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตและการพัฒนาที่ก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในจีน จากเดิมที่ภาพลักษณ์ของ "Made in China" มักถูกมองว่าเป็นสินค้าราคาถูกและด้อยคุณภาพ ปัจจุบันจีนได้พลิกโฉมก้าวขึ้นสู่สถานะผู้นำด้านนวัตกรรมระดับโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย หากแต่เป็นผลลัพธ์ของยุทธศาสตร์ระยะยาวที่วางไว้อย่างชัดเจนและมีเป้าหมายที่แน่วแน่

การสร้างสนามแข่งขันใหม่

    จีนตระหนักดีว่าการแข่งขันในเทคโนโลยียานยนต์สันดาปนั้นยากลำบาก เนื่องจากยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้มาอย่างยาวนาน แทนที่จะเข้าสู่สมรภูมิเดิม จีนจึงเลือกสร้าง "สนามแข่งขันใหม่" โดยหันไปทุ่มเทให้กับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งในขณะนั้นยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่และมีความเสี่ยงสูง แต่กลับเป็นโอกาสทองที่จีนใช้เป็นช่องทางเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้ายังช่วยตอบโจทย์ปัญหาหลักของจีน ทั้งมลภาวะทางอากาศ การพึ่งพาน้ำมันจากต่างประเทศ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตการเงินโลกปี 2008 รัฐบาลจีนจึงบรรจุโครงการรถยนต์ไฟฟ้าไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2001 และเดินหน้าลงทุนอย่างจริงจัง

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันจีนสู่ความเป็นผู้นำ
1.การสนับสนุนจากภาครัฐ รัฐบาลจีนมีบทบาทอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนตลาด EV ผ่านมาตรการที่ต่อเนื่อง เช่น เงินอุดหนุนตรงแก่ผู้ซื้อ การลดหย่อนภาษี และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะเครือข่ายสถานีชาร์จที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โครงการ "Trade-in" ที่สนับสนุนให้ประชาชนเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปเป็นรถยนต์ไฟฟ้ายังช่วยเพิ่มยอดขายอย่างก้าวกระโดด ระหว่างปี 2009-2022 รัฐบาลได้อัดฉีดเงินสนับสนุนกว่า 200 พันล้านหยวน (ประมาณ 29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่อุตสาหกรรม EV รวมถึงการจัดซื้อรถยนต์ EV สำหรับระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถโดยสารและแท็กซี่ นอกจากนี้ โรงงาน Tesla ที่เซี่ยงไฮ้ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งเอื้อให้สร้างโรงงานผลิตขนาดใหญ่ได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

2.ความได้เปรียบด้านราคาและนวัตกรรม ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนสามารถนำเสนอรถยนต์ในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งจากยุโรปและญี่ปุ่น ขณะเดียวกันยังสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของ ผู้บริโภค ทำให้จีนครองความได้เปรียบทั้งด้านต้นทุนและเทคโนโลยี

3.ตลาดภายในประเทศที่แข็งแกร่ง จีนมีฐานตลาดในประเทศที่ใหญ่และพร้อมรองรับนวัตกรรมใหม่ ผู้บริโภคชาวจีนรุ่นใหม่จำนวนมากมีความเชื่อมั่นในแบรนด์จีนและไม่มองว่าด้อยกว่าต่างชาติ ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นมียอดขายถล่มทลายในประเทศ แม้ยังไม่ได้เข้าสู่ตลาดต่างประเทศ ยอดขายรถยนต์ EV เพิ่มขึ้นจาก 1.3 ล้านคันในปี 2021 เป็นกว่า 11 ล้านคันในปี 2024 และเฉพาะครึ่งแรกของปี 2025 จีนสามารถขายได้ถึง 10.89 ล้านคัน

4.การควบคุมห่วงโซ่อุปทานและเทคโนโลยีแบตเตอรี่ แบตเตอรี่เป็นหัวใจของรถยนต์ไฟฟ้า และจีนได้เปรียบชัดเจนในด้านนี้ ด้วยการควบคุมห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จีนผลิตและแปรรูปแร่ธาตุสำคัญ เช่น ลิเทียม โคบอลต์ และกราไฟต์ มากถึง 60-80% ของตลาดโลก อีกทั้งยังถือครองการผลิตแร่หายากราว 90% ทั่วโลก ส่งผลให้จีนควบคุมทั้งต้นทุนและปริมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่อย่าง CATL และ BYD พัฒนาแบตเตอรี่ LFP (Lithium Iron Phosphate) ที่มีความปลอดภัย อายุการใช้งานยาวนาน และต้นทุนต่ำ ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมโลก

การแข่งขันและการขยายตลาด

    ผู้ผลิตจีนจำนวนมาก เช่น BYD, SAIC-GM-Wuling, Geely, Nio, Xpeng และ LiAuto ไม่เพียงครองตลาดในประเทศ แต่ยังขยายเข้าสู่ตลาดโลก รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย แบรนด์อย่าง GAC Aion, Chery, MG, ORA และ Changan ได้เข้ามามีบทบาทในไทยแล้ว ในขณะที่หลายแบรนด์ยังรอจังหวะ เช่น ARCFOX, DFSK และ Roewe

BYD ถือเป็นผู้นำที่โดดเด่นด้วยยอดขายถล่มทลาย ทั้งใน BEV (Battery Electric Vehicle) และ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) โดยเฉพาะรุ่น PHEV ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวจีนด้วยความยืดหยุ่นในการใช้งาน นอกจากนี้ การที่ Tesla เข้ามาสร้างโรงงานในเซี่ยงไฮ้ยังมีผลเป็น “catfish effect” กระตุ้นให้ผู้ผลิตจีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและแข่งขันด้านราคาอย่างจริงจัง

    ความสำเร็จของจีนในการขึ้นแท่นเป็นผู้นำรถยนต์ไฟฟ้า เกิดจากการวางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน ตั้งแต่การสนับสนุนเชิงนโยบายของรัฐ ตลาดภายในประเทศที่แข็งแรง ความได้เปรียบด้านราคา ไปจนถึงการครอบครองเทคโนโลยีแบตเตอรี่และห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก สิ่งเหล่านี้ทำให้จีนไม่ได้เป็นเพียงผู้ตาม แต่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ประสบการณ์ของจีนยังเป็นบทเรียนให้เห็นว่าอุตสาหกรรม EV เป็นโอกาสที่ทำให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถก้าวกระโดดทางเศรษฐกิจได้ หากมีวิสัยทัศน์และการสนับสนุนที่ถูกจังหวะ
ติดตามข่าวสารใหม่ๆได้ที่ Avery it tech #เพราะเทคโนโลยีอยู่รอบตัวคุณ

#Tech #ITSolution #Technology #EV