ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกต่างมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน หนึ่งในโซลูชันด้าน IT ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายคือ Robotic Process Automation (RPA) ซึ่งเป็นการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาทดแทนการทำงานที่เคยต้องใช้แรงงานคน

1. Robotic Process Automation (RPA) คืออะไร ?
คือ เทคโนโลยีที่ทำให้กระบวนการทำงานเป็นระบบ โดยพื้นฐานแล้ว RPA คือ ซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ ซึ่งเข้ามามีบทบาทในการทำให้กระบวนการทางธุรกิจที่ต้องทำซ้ำ (routine and repeatable business processes) เป็นไปโดยอัตโนมัติ

2. การปรับใช้และการทำงานในองค์กร
RPA ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อเข้ามาทดแทนการทำงานจากเดิม ที่ใช้แรงงานคนโดยเฉพาะงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ และไม่มีความซับซ้อนสูง 

กระบวนการทำงาน ซอฟต์แวร์ RPA จะทำงานบนซอฟต์แวร์อื่น ๆ บนคอมพิวเตอร์ หรือใช้งานร่วมกับโปรแกรมต่าง ๆ ที่บุคลากรใช้เป็นประจำ 
งานที่เหมาะสม งานที่เหมาะสำหรับนำ RPA มาใช้คืองานประเภท routine ที่มีการทำเป็นประจำทุกวัน และเป็นงานที่ไม่ซับซ้อนมากเกินไป เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและลื่นไหล
ความต้องการขององค์กร การทำ Task Automation ผ่าน RPA เป็นฟังก์ชันสำคัญที่ผู้กำหนดนโยบายในองค์กรมีความสนใจ โดยพบว่า 35% ของผู้มีอำนาจตัดสินใจในองค์กรต้องการให้มีคุณสมบัติการทำ Task Automation ผ่าน RPA ในแพลตฟอร์ม Low-code

3. ประโยชน์และผลลัพธ์
การนำเทคโนโลยี RPA เข้ามาปรับใช้กับการทำงานภายในองค์กรสามารถช่วยแก้ปัญหาและนำไปสู่ประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมในด้านประสิทธิภาพและเศรษฐศาสตร์ ดังนี้

• เพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณงาน: RPA ช่วยให้งานออกมามีประสิทธิภาพและปริมาณงานมากขึ้น เนื่องจากสามารถลดระยะเวลาทำงานลง และทำงานได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหล
• ลดความผิดพลาดและต้นทุน: ข้อดีที่สำคัญที่สุดคือช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานของมนุษย์ และส่งผลให้องค์กรสามารถลดต้นทุนในการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี
• การบริหารจัดการบุคลากร: การลดภาระงานรูทีนเหล่านี้ลง ทำให้บุคลากรในบริษัทสามารถมุ่งเน้นการทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ หรือการนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยสร้างกลยุทธ์ใหม่ ๆ แทนการทำงานรูปแบบเดิม ๆ ได้

การนำ Robotic Process Automation (RPA) เข้ามาใช้ในการทำงานเป็นกลไกสำคัญ ที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมคือการช่วยลดต้นทุนให้กับองค์กรได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถลดความผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานของมนุษย์ และลดระยะเวลาทำงานลง ทำให้กระบวนการต่าง ๆ ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหล ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายคือการที่องค์กรมีประสิทธิภาพและปริมาณงานที่สูงขึ้น