ลองนึกภาพว่าคุณกำลังต่อจิ๊กซอว์ที่ซับซ้อน แทนที่จะพยายามสร้างชิ้นส่วนขนาดใหญ่ชิ้นเดียวที่มีรายละเอียดทั้งหมด คุณสร้างชิ้นส่วนเล็กๆ หลายชิ้นที่สมบูรณ์แบบแล้วนำมาประกอบกัน นี่คือแนวคิดพื้นฐานของชิปเล็ต!

ชิปเล็ตคืออะไรกันแน่?

ชิปเล็ตเปรียบเสมือนทีมนักฟุตบอลที่เก่งเฉพาะทาง แทนที่จะมีนักกีฬาคนเดียวที่ต้องทำทุกอย่าง (แบบโมโนลิธิก) เรามีผู้เล่นหลายคนที่แต่ละคนเชี่ยวชาญในบทบาทของตัวเอง

ในโลกของคอมพิวเตอร์ ชิปเล็ตก็คือการแบ่งโปรเซสเซอร์ออกเป็นชิ้นส่วนย่อยๆ ที่ทำงานเฉพาะด้าน แล้วนำมาเชื่อมต่อกันในแพคเกจเดียว เหมือนการรวมทีมผู้เชี่ยวชาญไว้ด้วยกัน

ทำไมเราถึงต้องการชิปเล็ต?

คิดแบบนี้ดูนะ สมมติคุณต้องสร้างบ้านหลังหนึ่ง

• แบบเดิม (โมโนลิธิก): คุณจ้างบริษัทเดียวที่ต้องทำทุกอย่าง - ออกแบบ ก่อสร้าง ระบบไฟฟ้า ประปา ตกแต่งภายใน ฯลฯ ถ้าส่วนไหนมีปัญหา ทั้งโครงการก็มีปัญหา!
• แบบชิปเล็ต: คุณจ้างผู้เชี่ยวชาญหลายคน - สถาปนิก ช่างไม้ ช่างไฟฟ้า มัณฑนากร ฯลฯ แต่ละคนทำงานที่ตัวเองถนัดที่สุด แล้วมารวมกันเป็นบ้านที่สมบูรณ์

ข้อดีของวิธีที่สองคือ

• ถ้าช่างไฟฟ้าทำงานผิดพลาด คุณไม่จำเป็นต้องรื้อทั้งบ้าน
• คุณสามารถเลือกช่างที่เก่งที่สุดในแต่ละด้าน
• คุณสามารถอัปเกรดเฉพาะส่วน (เช่น เปลี่ยนระบบไฟฟ้าให้ทันสมัย) โดยไม่ต้องสร้างบ้านใหม่ทั้งหลัง

เบื้องหลังชิปซิลิคอน

เวลาเราพูดถึงการผลิตชิป มันเหมือนการทำขนมเค้กสุดซับซ้อนที่ต้องใช้ส่วนผสมพิเศษและขั้นตอนที่แม่นยำมากๆ

เริ่มจากแผ่นซิลิคอนบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ (กว้างประมาณ 30 ซม.) ที่บางกว่าเส้นผมมนุษย์หลายเท่า จากนั้นผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน

• ฉายแสงยูวีผ่านแม่แบบลงบนแผ่นซิลิคอนที่เคลือบสารไวแสง (คล้ายการถ่ายภาพแบบโบราณ) 
• เพิ่มชั้นวัสดุต่างๆ ทีละชั้น - ฉนวน, ไดอิเล็กทริก, โลหะนำไฟฟ้า
• ทดสอบและแบ่งเกรดชิป

กระบวนการนี้ใช้เวลาหลายสัปดาห์และราคาแพงมหาศาล! แผ่นซิลิคอนเพียงแผ่นเดียวอาจมีราคาตั้งแต่ 3,000 ถึง 20,000 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเทคโนโลยีที่ใช้

ทำไมชิปเล็ตถึงกำลังเปลี่ยนเกมอุตสาหกรรม?

เมื่อเราพยายามทำให้ชิปเล็กลงเรื่อยๆ เราเจอกับข้อจำกัดทางกายภาพ (ถึงจุดหนึ่งเราไม่สามารถย่อส่วนได้อีกแล้ว!) และข้อจำกัดทางการเงิน (การสร้างชิปที่ซับซ้อนมากขึ้นก็แพงขึ้นเรื่อยๆ)

ชิปเล็ตแก้ปัญหานี้ด้วยการแยกส่วนประกอบต่างๆ ออกจากกัน

• ส่วนที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด (เช่น คอร์ประมวลผลหลัก) สามารถผลิตด้วยเทคโนโลยีล่าสุด
• ส่วนที่ไม่จำเป็นต้องเล็กมาก (เช่น ส่วนติดต่อกับอุปกรณ์ภายนอก) สามารถผลิตด้วยเทคโนโลยีที่เก่ากว่าและถูกกว่า
  

เหมือนกับการสร้างบ้านที่คุณใช้วัสดุราคาแพงเฉพาะในห้องนั่งเล่น แต่ใช้วัสดุราคาประหยัดในห้องเก็บของ!

ประโยชน์ที่ชัดเจนของชิปเล็ต

1. ประหยัดค่าใช้จ่าย - ผลิตเฉพาะส่วนที่จำเป็นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ส่วนอื่นๆ ใช้เทคโนโลยีที่ถูกกว่า
2. เพิ่มโอกาสความสำเร็จ - ถ้าชิ้นส่วนย่อยมีปัญหา ไม่ต้องทิ้งทั้งชิป
3. ความยืดหยุ่นในการออกแบบ - ผสมผสานเทคโนโลยีได้หลากหลายในชิปเดียว
4. อัปเกรดได้ง่าย - เปลี่ยนเฉพาะชิปเล็ตที่ต้องการปรับปรุง ไม่ต้องออกแบบใหม่ทั้งหมด

ชิปเล็ตอยู่รอบตัวเราแล้ว!

ทุกวันนี้ ชิปเล็ตอยู่ในอุปกรณ์มากมายที่เราใช้ไม่ว่าจะเป็น

• คอมพิวเตอร์ PC และแล็ปท็อป
• เซิร์ฟเวอร์ในศูนย์ข้อมูล
• เครื่องเล่นเกมคอนโซล (PS5, Xbox)
• สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่
• อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ (สมาร์ทวอทช์)

ผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง AMD, Intel, Nvidia และ Apple ต่างหันมาใช้เทคโนโลยีชิปเล็ตกันหมดแล้ว!

ชิปเล็ตก็คือการแบ่งสมองคอมพิวเตอร์ออกเป็นส่วนๆ แทนที่จะทำเป็นชิ้นเดียว ทำให้ผลิตได้ถูกกว่า ยืดหยุ่นกว่า และมีประสิทธิภาพดีกว่า! คิดง่ายๆ ว่าเป็นการทำงานเป็นทีมที่แต่ละคนถนัดคนละอย่าง แทนที่จะให้คนคนเดียวทำทุกอย่าง เทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กำลังกลายเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมเพราะมันช่วยแก้ปัญหาที่ผู้ผลิตชิปเผชิญอยู่ และจะเป็นรากฐานสำคัญของนวัตกรรมเทคโนโลยีในอนาคต!

ติดตามเรื่องราว IT ต่างๆได้ที่ Avery IT Tech เพราะเรื่อง IT อยู่รอบตัวคุณ...

#AveryITTech #IT #Chiplets #technology #Future #ชิปเล็ต #เทคโนโลยีชิปเล็ต #นวัตกรรม