Vulnerability Management แนวทางป้องกันช่องโหว่ในระบบอย่างมืออาชีพ


25/Feb/2025
Avery IT Tech
Technology

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วนของธุรกิจ การรักษาความปลอดภัยของระบบไอทีเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นทุกวัน หนึ่งในวิธีที่ช่วยป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์คือการจัดการช่องโหว่ (Vulnerability Management) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องในการระบุ ประเมิน รายงาน และแก้ไขช่องโหว่ในระบบและอุปกรณ์

ความหมายของการจัดการช่องโหว่

การจัดการช่องโหว่หมายถึงการตรวจจับและแก้ไขจุดอ่อนในระบบไอที ซึ่งสามารถถูกโจมตีโดยผู้ไม่หวังดี กระบวนการนี้ใช้เครื่องมือและข้อมูลภัยคุกคามเพื่อช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถระบุช่องโหว่ที่สำคัญและแก้ไขได้อย่างทันท่วงที

ช่องโหว่ ภัยคุกคาม และความเสี่ยง

เพื่อให้เข้าใจการจัดการช่องโหว่ได้ดียิ่งขึ้น จำเป็นต้องแยกแยะความแตกต่างระหว่างสามคำนี้

  • ช่องโหว่ (Vulnerability): คือจุดอ่อนของระบบหรือซอฟต์แวร์ที่อาจถูกโจมตีได้
  • ภัยคุกคาม (Threat): เป็นสิ่งที่สามารถใช้ช่องโหว่นั้นในการโจมตี เช่น มัลแวร์หรือแฮกเกอร์
  • ความเสี่ยง (Risk): คือผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อภัยคุกคามใช้ช่องโหว่ในการโจมตี เช่น การรั่วไหลของข้อมูลหรือความเสียหายทางการเงิน

การจัดอันดับและการจำแนกประเภทของช่องโหว่

มาตรฐาน Common Vulnerability Scoring System (CVSS) ใช้ในการประเมินระดับความรุนแรงของช่องโหว่ โดยแบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ไม่มีความเสี่ยง (0.0) ไปจนถึงร้ายแรง (9.0-10.0) นอกจากนี้ฐานข้อมูล CVEs ของ MITRE Corporation ยังเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลช่องโหว่ที่มีความน่าเชื่อถือและใช้กันอย่างแพร่หลาย

กระบวนการจัดการช่องโหว่

การจัดการช่องโหว่ไม่ใช่การตรวจสอบเพียงครั้งเดียว แต่เป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินต่อเนื่อง โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

การเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มโปรแกรม

ตามแนวทาง Gartner’s Vulnerability Management Guidance Framework มี 5 ขั้นตอนเบื้องต้น

  1. กำหนดขอบเขตของโปรแกรม ว่าสินทรัพย์หรือระบบใดที่จะได้รับการตรวจสอบ
  2. กำหนดบทบาทและความรับผิดชอบของทีมที่เกี่ยวข้อง
  3. เลือกเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการสแกนช่องโหว่
  4. สร้างและปรับปรุงนโยบายและ SLA สำหรับการจัดการความเสี่ยง
  5. ระบุแหล่งข้อมูลและความรู้ที่เกี่ยวกับสินทรัพย์

วัฏจักรการจัดการช่องโหว่ 5 ขั้นตอน

  1. Assess (ประเมิน): ตรวจสอบระบบเพื่อค้นหาช่องโหว่
  2. Prioritize (จัดลำดับความสำคัญ): ใช้คะแนน CVSS ในการจัดลำดับความสำคัญของช่องโหว่
  3. Act (ดำเนินการ): ดำเนินการแก้ไขหรืออุดช่องโหว่ที่พบ
  4. Reassess (ประเมินซ้ำ): ตรวจสอบอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าช่องโหว่ได้รับการแก้ไขแล้ว
  5. Improve (ปรับปรุง): พัฒนากระบวนการจัดการช่องโหว่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การเลือกโซลูชันการจัดการช่องโหว่ที่เหมาะสม

เมื่อเลือกใช้เครื่องมือจัดการช่องโหว่ ควรพิจารณาปัจจัยหลักดังนี้:

  • ความรวดเร็ว: เครื่องมือควรสามารถตรวจจับช่องโหว่ได้ทันที
  • ผลกระทบต่อประสิทธิภาพ: เลือกเครื่องมือที่มีขนาดเล็กและไม่ทำให้ระบบช้าลง
  • การมองเห็นแบบเรียลไทม์: เครื่องมือควรแสดงข้อมูลช่องโหว่ทันทีเมื่อพบ
  • ความเรียบง่ายและการทำงานร่วมกัน: ควรเลือกโซลูชันที่สามารถรวมกับเครื่องมือรักษาความปลอดภัยอื่น ๆ ได้ง่าย

การจัดการช่องโหว่คือกระบวนการที่ต่อเนื่องในการระบุและแก้ไขจุดอ่อนของระบบไอที ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยให้กับองค์กร โดยมีขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมความพร้อม การประเมิน และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมและจัดลำดับความสำคัญของช่องโหว่ได้อย่างถูกต้อง องค์กรก็จะสามารถป้องกันภัยคุกคามและลดผลกระทบจากการโจมตีทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ติดตามเรื่องราว IT ต่างๆได้ที่ Avery IT Tech เพราะเรื่อง IT อยู่รอบตัวคุณ...

#AveryITTech #IT #VulnerabilityManagement #security #Cyber #การจัดการ #ความปลอดภัย #การป้องกันภัยไซเบอร์   

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.crowdstrike.com/en-us/cybersecurity-101/exposure-management/vulnerability-management/ 

https://www.rapid7.com/fundamentals/vulnerability-management-and-scanning/


เงินดิจิทัล หรือนี่จะเป็นการปฏิวัติการเงินในยุคดิจิทัล
12/Nov/2024
ด้วยกระแสของเงินดิจิทัล ที่กำลังพูดถึงกันอย่างต่อเนื่องในโลกอินเตอร์เน็ตเนื่องจากเป็นสิ่งที่มาจากนโยบายของ นายกคนใหม่ของเรา เพราะฉะนั้นจะไม่พูดเรื่องนี้ก็ไม่ได้ ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวข้ามขีดจำกัดและการเชื่อมต่อโลกผ่านอินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน เงินดิจิทัลกำลังก้าวเข้ามาในฉากของเศรษฐกิจโลกอย่างรวดเร็ว หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ "คริปโต" หรือ Cryptocurrency และมีผลกระทบอย่างมากในวิถีชีวิตของเราทั้งในการซื้อขายและการลงทุน ของสังคมในยุคดิจิทัลนี้